Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Paranoid Schizophrenia (โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง), 1.เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอ…
Paranoid Schizophrenia
(โรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง)
ความหมายของโรคจิตเภท
โรคจิตเภท (Schizophrenia) หมายถึงโรคที่มีความผิดปกติของความคิด อารมณ์ การรับรู้และพฤติกรรมเป็นเวลาติดต่อกัน อย่างน้อย 6 เดือน โดยไม่มีสาเหตุจากโรคทางกาย ยา หรือสารเสพติด และส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ ด้านสังคม การงาน หรือสุขอนามัยของผู้ป่วย
อาการและอาการแสดง
ขณะได้รับการส่งตัวมาโรงพยาบาลผู้ป่วยมีอาการ ดังนี้ มีอาการขาดยา หงุดหงิด อาละวาด พูดคนเดียว ยิ้มหัวเราะคนเดียว โวยวายเสียงดัง
อาการด้านบวก
(positive symptoms)
อาการหลงผิด (delusion) ไม่พบข้อมูล
อาการประสาทหลอน (hallucination)
-มีประวัติเคยมีอาการหูแว่ว (ครั้งนี้พูดคนเดียว)
ความผิดปกติของความคิด (disorganized thinking)
พูดคนเดียว พูดไม่รู้เรื่อง
ความผิดปกติของพฤติกรรม (grossly disorganized or abnormal disorganized behavior)
อาละวาด ยิ้มหัวเราะคนเดียว โวยวายเสียงดัง
อาการด้านลบ (negative symptoms)
อารมณ์เฉยเมย (affective flattening)ขณะสนทนาแสดงสีหน้าเรียบเฉย
พูดน้อยหรือไม่พูด (alogia) จังหวะการพูดช้า ไม่ค่อยคุยกับใคร เวลาเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นภายในกลุ่ม
ขาดความสนใจในกิจกรรมทุกชนิด (avolition) ขณะอยู่บ้านผู้ป่วยมักชอบอยู่คนเดียว แยกตัวจากครอบครัว ไม่สนใจประกอบอาชีพ ขณะรับบริการผู้ป่วยมักจะมีอาการหาวนอน ง่วงนอน หลับขณะทำกิจกรรม
อาการด้านความคิด (cognitive symptoms)
คิดช้า (Slow)
ความคิดแบบนามธรรม (Abstract thinking)
ความจำในปัจจุบัน (recent memory) ผิดปกติ
ความจำเฉพาะหน้า (Recall memory) ผิดปกติ
อาการด้านอารมณ์ (affective symptoms)
แรกรับหงุดหงิด ก้าวร้าว อาละวาด และเคยมีประวัติทำร้ายตนเองและทำร้ายผู้อื่น
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคตามเกณฑ์การวินิจฉัยโรคของสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (Diagnostic and Statistics Manual of Mental Disorders, 5th edition: DSM-5) มีดังนี้
A : มีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 2 อาการในช่วงเวลา 1 เดือน (หรือน้อยกว่าหากได้รับการรักษา) และต้องมีอย่างน้อย 1 อาการในข้อ 1, 2 หรือ 3
อาการหลงผิด (delusion) มีประวัติว่ามีอาการหวาดระแวง กลัวคนทำร้าย
อาการประสาทหลอน (hallucination) มีประวัติว่ามีอาการหูแว่ว (auditory hallucination)
ความผิดปกติของคำพูด (disorganized speed) เช่น พูดสับสนมาก มักเปลี่ยนเรื่องจนฟังไม่เข้าใจ พูดไม่รู้เรื่อง พูดคนเดียว
ความผิดปกติของพฤติกรรม (grossly disorganized or catatonic behavior) อาละวาด ยิ้มหัวเราะคนเดียว โวยวายเสียงดัง
อาการด้านลบ (negative symptoms) เช่น ไม่มีการแสดงออกทางอารมณ์ หรือขาดความสนใจในกิจกรรม แรกรับไม่สนใจดูแลตนเอง ไม่เข้าร่วมกิจกรรมสังคม
B : ระดับความสามารถในด้านต่าง ๆ ระดับความสามารถในด้านต่าง ๆ ลดลงสัมพันธภาพกับคนในครอบครัวลดลง ไม่ได้ประกอบอาชีพ และสนใจดูแลตนเองน้อยลง
C : มีอาการของความผิดปกติอย่างต่อเนื่องนานอย่างน้อย 6 เดือน มีพูดไม่รู้เรื่องพูดคนเดียว อาละวาด แยกตัวมามากกว่า 10 ปี และมีประวัติหูแว่วบ่อยครั้งตั้งแต่ 10 ปีก่อน ได้รับการรักษาแต่ขาดยา
D : ไม่มีอาการเข้าได้กับ schizoaffective disorder, depressive disorders หรือ bipolar disorders มีอาการทางจิตร่วมด้วย
E : อาการไม่ได้เป็นจากยา สารเสพติด หรือโรคทางกาย
F : หากมีประวัติของโรค autism spectrum disorder หรือ communication disorder ที่เป็นในวัยเด็ก จะวินิจฉัยโรคจิตเภทร่วมด้วยได้ต่อเมื่อมีอาการหลงผิดหรือประสาทหลอนเป็นอาการเด่นเพิ่มจากอาการอื่นในข้อ A นานอย่างน้อย 1 เดือน (หรือน้อยกว่าหากรักษาได้ผลดี)
การจำแนกกลุ่มย่อย Subtype of schizophrenia
Paranoid type ผู้ป่วยก่อนรับการรักษามีประวัติหวาดระแวง หูแว่วบ่อยครั้ง และมีประวัติในการทำร้ายตนเองและผู้อื่น ครั้งนี้มาด้วยพูดคนเดียว พูดไม่รู้เรื่อง อาละวาด โวยวาย ยิ้มหัวเราะคนเดียว
Catatonic type เป็นกลุ่มที่มีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหว ได้แก่ Catatonic type ,Negativism ,Rigidity
Disorganize ความคิดกระจัดกระจายไม่เป็นไปในแนวเดียวกัน แสดงออกมาทางคำพูดหรือท่าทาง เช่น Loosening of association มากหรือมีพฤติกรรมเรื่อยเปื่อย วุ่นวาย การแสดงออกด้านอารมณ์จะเรียบเฉย หรือไม่เหมาะสมอย่างเห็นได้ชัด
Undifferentiated type เป็นผู้ป่วยที่มีอาการเข้ากันได้กับโรคจิตเภทแต่ไม่สามารถจัดกลุ่มได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชนิดใด
Residual type ผู้ป่วยเคยมีอาการกำเริบชัดเจนอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ในขณะที่ประเมินไม่พบอาการด้านบวก
โรคจิตเภท (schizophrenia) ตามเกณฑ์วินิจฉัย ICD-10
โรคจิตเภท มีลักษณะทั่วไป คือ จาการตรวจสภาพจิตพบการรับรู้ผิดปกติ และพบว่ามีความคิดผิดปกติคือ คิดช้า (Slow) ความคิดแบบนามธรรม (Abstract thinking) ความจำในปัจจุบัน (recent memory) ผิดปกติ ความจำเฉพาะหน้า (Recall memory) ผิดปกติ และมีประวัติหูแว่ว มีอาการหวาดระแวง และเคยถึงพยายามทำร้ายตนเอง และมีอาการพูดคนเดียว อาละวาด มาอย่างต่อเนื่อง
การดำเนินของโรค
ระยะก่อนป่วย (premorbid phase) - วัยรุ่น เป็นคนเงียบๆ พูดน้อย เรียบร้อย ไม่สุงสิงกับพี่น้อง ติดเพื่อน เพื่อนชวนเสพสารเสพติด ดมกาว
วัยผู้ใหญ่ ติดเพื่อน ติดสารเสพติด สูบบุหรี่ทุกวัน 1 ซอง/วัน
ระยะอาการนำ (prodromal phase)เมื่อเกิดความเครียดมักออกไปหาเพื่อน เก็บตัวอยู่คนเดียว และสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ดมกาว
แรกเริ่มที่มีอาการทางจิต คือ นอนไม่หลับ พูดคนเดียว และเริ่มมีอาการวุ่นวาย สัมพันธภาพในครอบครัวแย่ลงเมื่อผู้ป่วยเริ่มใช้สารเสพติด และเริ่มไม่ประกอบชีพ ใส่ใจตัวเองลดลง
ระยะโรคกำเริบ (active phase) ผู้ป่วย Admit ครั้งที่ 1 18/6/36 ตั้งแต่ตอนอายุ 16 ปีมาด้วยอาการนอนไม่หลับ พูดคนเดียว ดมกาว สูบบุหรี่ 1 ซอง/วัน สุรา 3 ครั้ง/สัปดาห์ และหลังจากนั้นก็รับยาไม่สม่ำเสมอ และได้รับการadmit อีก 22 ครั้ง ด้วยอาการที่คล้ายกันคือ พูดคนเดียว หวาดระแวง หูแว่ว อาละวาด โวยวาย และมีประวัติทำร้ายตนเองและผู้อื่น
ครั้งนี้ผู้ป่วย admit ครั้งที่ 24 มาด้วยอาการ สูบบุหรี่เยอะ พูดไม่รู้เรื่อง 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล และ 10 วันก่อนมาโรงพยาบาล มีอาการขาดยา หงุดหงิด อาละวาด พูดคนเดียว ยิ้มหัวเราะคนเดียว โวยวายเสียงดัง
ระยะเรื้อรังอาการหลงเหลือ (chronic / residual phase)
ผู้ป่วยได้รับการรักษาหลายครั้งแต่ขาดยา จึงทำให้ยังคงมีอาการ พูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว พูดไม่รู้เรื่อง และอาละวาด โวยวาย
สาเหตุของการเกิดโรคจิตเภท
ปัจจัยด้านชีวภาพ
พันธุกรรม ไม่พบคนในครอบครัวมีประวัติการเจ็บป่วย
ระบบสารเคมีในสมอง เชื่อว่าโรคนี้เกิดจากการทำงานของสารสื่อประสาทโดปามีนที่มากเกินไป (dopaminergic hyperactivity) เนื่องจากผู้ป่วยมีประวัติการดื่มเหล้าและติดสารเสพติด ทำให้อาจเกิดการเพิ่มขึ้นของโดปามีนในสมองด้วย
ปัจจัยทางด้านจิตใจ
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (interpersonal theories) Harry Stack Sullivan มีมุมมองเกี่ยวกับโรคจิตเภทว่า เป็นความแปรปรวนของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ความวิตกกังวลอย่างมากของผู้ป่วย ถูกเปลี่ยนเป็นความเบี่ยงเบน โรคจิตเภทเป็นวิธีการปรับตัวที่ใช้หลีกเลี่ยงอาการแพนิค ความหวาดกลัว และการแยกสลายของความรู้สึกแห่งตน ครอบครัวผู้ป่วยเมื่อมีปัญหาแม่จะใจเย็น ส่วนพ่อจะใจร้อน ชอบด่าว่า ทุบดีลูก ส่วนพี่ชายก็ชอบขังผู้ป่วยและผูกกุญแจมือผู้ป่วย
ทฤษฎีการเรียนรู้ (learning theories) ตามทฤษฎีการเรียนรู้ผู้ป่วยอาจเกิดการเรียนแบบผิดๆและปรับพฤติกรรมของตนไปในทางที่ผิดจากที่เห็นพ่อใจร้อน ชอบด่าว่า ทุบดีลูก ส่วนพี่ชายก็ชอบขังผู้ป่วยและผูกกุญแจมือผู้ป่วย
ปัจจัยทางด้านสังคมสิ่งแวดล้อม
สภาพครอบครัวมีผลต่อการกำเริบของโรค พบว่าครอบครัวของผู้ป่วยที่อาการกำเริบบ่อย จะมีการใช้อารมณ์ต่อกันสูง และอยู่ในสังคมเพื่อนที่มีการชักชวนใช้สารเสพติด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
การบำบัดรักษา
การรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล (hospitalization) ผู้ป่วยได้รับการ admit ครั้งที่ 24 และมีอาการขาดยามานาน เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้ (1) เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยจากความคิดและพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น (2) เพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิดเช่นมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยาอย่างรุนแรง (3) เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างต่อเนื่อง ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ยอมรับประทานยา (4) เพื่อการวินิจฉัยในกรณีที่มีปัญหาในการวินิจฉัย (5) เพื่อปรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือวุ่นวายมาก
การรักษาด้วยยา (pharmacotherapy) ยารักษาโรคจิต Perphenazine (16) syr. Oral OD (เช้า) pc. Haloperidol 5 mg muscle q 4 hr. CPZ (100) 1 tab oral pc. ยาต้านอาการข้างเคียงของรักษาโรคจิต (Anticholinergic drugs) ACA (5) 1 tab oral b.i.d. pc. (เช้า+ก่อนนอน)
การรักษาด้วยไฟฟ้า (electroconvulsive therapy: ECT)ไม่ได้รับ
การบำบัดด้านจิตสังคม (psychosocial therapy)
ได้รับการทำกิจกรรมกลุ่มบำบัดเป็นประจำ
1.เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองและผู้อื่นเนื่องจากการควบคุมตนเองบกพร่อง
2.มีสัมพันธภาพบกพร่องเนื่องจากมีกระบวนการคิดและกระแสคำพูดผิดปกติ
3.พักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากแบบแผนการนอนหลับแปรปรวน
4.สุขวิทยาส่วนบุคคลเนื่องจากอาการทางจิต
10.เสี่ยงต่อการกลับเป็นซ้ำเนื่องจากขาดความตระหนักในการดูแลตนเองและมีการรับประทานยาไม่ต่อเนื่อง
11.เสี่ยงต่อการกลับมาใช้สารเสพติดซ้ำเนื่องจากมีการเผชิญปัญหาที่ไม่เหมาะสม
5.เสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงเนื่องจากได้รับยาจิตเวชกลุ่ม Antipsychotic drug